วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

เครื่องดนตรีไทย

เครื่องดนตรีไทย
1.               เครื่องดีด เช่น จะเข้ พิณ ซึง เปนต้น
จะเข้

จะเข้ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องดีด มี 3 สาย เข้าใจว่าได้ปรับปรุงแก้ไขมาจากพิณ คือ กระจับปี่ซึ่งมี 4 สาย นำมาวางดีดกับพื้นเพื่อความสะดวก จะเข้ได้นำเข้าร่วมบรรเลงอยู่ในวงมโหรีคู่กับกระจับปี่ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีผู้นิยมเล่นจะเข้กันมาก ทำให้กระจับปี่ค่อย ๆ หายไปในปัจจุบัน เนื่องจากหาผู้เล่นเป็นน้อย
ตัวจะเข้ทำเป็นสองตอน คือตอนหัวและตอนหาง โดยลักษณะทางตอนหัวเป็นกระพุ้งใหญ่ ทำด้วยไม้แก่นขนุน หนาประมาณ 12 ซม. ยาวประมาณ 52 ซม. และกว้างประมาณ 11.5 ซม. ท่อนหัวและท่อนหางขุดเป็นโพรงตลอด รวมทั้งสิ้นมีความยาวประมาณ 130 132 ซม. ปิดใต้ทองด้วยแผ่นไม้ มีเท้ารองตอนหัว 4 เท้า และตอนปลายปางอีก 1 เท้า วัดจากปลายเท้าถึงตอนบนของตัวจะเข้ สูงประมาณ 19 ซม. ทำหลังนูนตรงกลางให้สองข้างลาดลง โยงสายจากตอนหัวไปทางตอนหางเป็น 3 สาย มีลูกบิดประจำสายละ 1 อัน สาย 1 ใช้เส้นลวดทองเหลือง อีก 2 สายใช้เส้นเอ็น มีหย่องรับสายอยู่ตรงปลายหางก่อนจะถึงลูกบิด ระหว่างตัวจะเข้มีแป้นไม้เรียกว่า นม รองรับสายติดไว้บนหลังจะเข้ รวมทั้งสิ้น 11 อัน เพื่อไว้เป็นที่สำหรับนิ้วกดนมแต่ละอันสูง เรียงลำดับขึ้นไป ตั้งแต่ 2 ซม. จนสูง 3.5 ซม.

เวลาบรรเลงใช้ดีดด้วยไม้ดีดกลมปลายแหลมทำด้วยงาช้างหรือกระดูกสัตว์ เคียนด้วยเส้นด้ายสำหรับพันติดกับปลายนิ้วชี้ข้างขวาของผู้ดีด และใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางช่วยจับให้มีกำลัง เวลาแกว่งมือส่ายไปมา ให้สัมพันธ์ กับมือข้างซ้ายขณะกดสายด้วย
สายของจะเข้
สายของจะเข้นั้นจะมีอยู่ 3 สาย ส่วนใหญ่ทำมาจากไหมหรือเอ็น สามารถแบ่งได้ดังนี้
  • สายที่อยู่ติดกับตัวผู้เล่นจะเข้ มีชื่อเรียกว่า สายลวด เป็นสายที่ทำมาจากลวดทองเหลือง
  • สายที่อยู่ทางด้านนอกสุดของจะเข้ มีชื่อเรียกว่า สายเอก ทำมาจากไหมหรือเอ็น
  • สายที่อยู่ตรงกลาง มีชื่อเรียกว่า สายทุ้ม ทำมาจากไหมหรือเอ็น
ครูจะเข้ ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน
ดนตรีไทยนั้นมีการสืบทอดมา เป็นรุ่นสู่รุ่น และก็เช่นเดียวกับวิชาการด้านอื่นๆ นั่นคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ จะเรียกว่า "คน" เครื่องดนตรีนั้นๆ เช่น สมชายเป็นคนซอด้วง ก็หมายความว่า นายสมชาย เป็นคนที่มีความถนัด หรือมีความเชี่ยวชาญในการเล่นเครื่องดนตรี ซอด้วงมากกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ซึ่งในสมชายอาจจะสามารถเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆ ได้ เช่น เล่นซออู้, เล่นจะเข้ เป็นต้น ครูจะเข้ ก็ย่อมหมายถึง ครูที่เป็นคนจะเข้ คือเป็นผู้ที่มีความถนัด มีความรู้ความชำนาญในการเล่นจะเข้โดยเฉพาะ ซึ่งตั้งแต่อดีต อาจกล่าวย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ 6 คือ "หลวงว่องจะเข้รับ" (โต กมลวาทิน)

วิธีการเล่นจะเข้เบื้องต้น
เริ่มจากท่านั่ง ท่านั่งในการปฏิบัติการดีดจะเข้นั้น ควรนั่งพับเพียบตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย และเพื่อความเรียบร้อย สวยงาม ควรนั่งลักษณะขาซ้ายทับขาขวา หรือจะขาขวาทับขาซ้ายก็ได้ แต่หัวเข่าจะต้องนั่งให้ชิดมุมจะเข้ นั่งตัวและหลังตั้งตรง มือขวาพันไม้ดีดวางบนตัวจะเข้ระหว่างกึ่งกลางโต๊ะกับนมที่ ๑๑ ข้อศอกกางเล็กน้อย มือซ้ายวางนิ้วลงบนนมที่จะดีดโดยให้นิ้วงอคุ่มเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือแตะขอบข้างลำตัวจะเข้ ตามตัวอย่างในรูป
การฝึกหัดจะเข้เบื้องต้น การเริ่มฝึกหัดนั้นจะต้องเริ่มหัดดีดสายเปล่าโดยการปัดข้อมือออกนอกตัวและเข้าหาลำตัว (ดีด ออก-ดีด เข้า) สลับกันไปมาจนเกิดความชำนาญโดยเริ่มจากสายเอกก่อนจึงไปสายทุ้มและสายลวด และเริ่มดีดสลับสาย โดยดีด สายเอก - สายทุ้ม สายเอก สายลวด สลับกัน แล้วจึงเริ่มต้นไล่เสียงไล่นิ้วไปตามลำดับ จากนั้นลองดีดตามแบบฝึกหัดกันครับ
การวางนิ้วบนนมจะเข้ การใช้นิ้วในการกดตำแหน่งเสียงของจะเข้โดยใช้นิ้วมือข้างซ้าย ทั้ง ๔ นิ้วคือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางและ นิ้วก้อย วางคุ่มลงบนนมด้านข้างใกล้ตำแหน่งเสียง (ไม่ได้วางลงตรงกลางบนนม) และนิ้วหัวแม่มือจะวางชิดกับขอบของตัวจะเข้ เมื่อบรรเลงทำนองจะใช้ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางในการดำเนินทำนอง และใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยในการดี ทิง - นอย เท่านั้น ( การดีดลูกทิง - นอย คือการดีดคู่แปด สายเอกและสายลวด)..
ตัวอย่างการเล่นจะเข้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น